ฟลอเรียน เวิร์ตซ์ ยังไร้สกอร์กับลิเวอร์พูล นาเกิลส์มันน์ปกป้องดาวรุ่งเยอรมัน

ช่วงซัมเมอร์ที่ผ่านมา “ลิเวอร์พูล” ได้สร้างความฮือฮาด้วยการคว้าตัว ฟลอเรียน เวิร์ตซ์ มิดฟิลด์ดาวรุ่งวัย 22 ปีจาก “ไบเออร์ เลเวอร์คูเซ่น” ด้วยค่าตัวรวมออปชันสูงสุดกว่า 116 ล้านปอนด์ นับเป็นหนึ่งในดีลที่มีค่าตัวสูงที่สุดของสโมสรและลีกเยอรมัน สื่อหลายสำนักมองว่า เวิร์ตซ์ คือ “เพชรเม็ดใหม่” ที่จะเข้ามาแทนที่บทบาทของดาวเตะในอดีต และจะเป็นหัวใจของเกมรุกภายใต้แผนการสร้างทีมยุคใหม่ของลิเวอร์พูล

อย่างไรก็ตาม หลังผ่านการแข่งขันหลายเกมใน พรีเมียร์ลีก อังกฤษ และฟุตบอลยุโรป สิ่งที่เกิดขึ้นกลับสวนทางกับความคาดหวัง เวิร์ตซ์ยัง ไม่มีทั้งประตูและแอสซิสต์แม้แต่ครั้งเดียว แม้สถิติการสร้างโอกาสจากการจ่ายบอลจะติดท็อปของทีม แต่ตัวเลขผลลัพธ์ที่จับต้องได้ยังเป็นศูนย์ เสียงวิจารณ์จึงเริ่มดังขึ้นว่า “นี่คือดีลที่แพงเกินไปหรือไม่?”

ท่ามกลางกระแสแรงกดดันล่าสุด ยูเลียน นาเกิลส์มันน์ เฮดโค้ชทีมชาติเยอรมนี ได้ออกมาปกป้องลูกทีมอย่างหนักแน่น พร้อมให้มุมมองที่แตกต่าง โดยชี้ว่า “ปัญหาไม่ได้อยู่ที่เวิร์ตซ์ แต่เป็นเพราะลิเวอร์พูลอยู่ในช่วงเปลี่ยนถ่าย และยังไม่เสถียรเหมือนเดิม”

บทความนี้จะพาผู้อ่านไปเจาะลึกความจริงเบื้องหลังฟอร์มที่ถูกตั้งคำถาม เหตุผลที่เวิร์ตซ์ยังปรับตัวไม่ได้ และทำไมโค้ชชาวเยอรมันจึงยังเชื่อมั่นว่าดาวรุ่งรายนี้จะกลับมาเปล่งประกาย

ดีลประวัติศาสตร์ ความคาดหวังอันหนักหน่วงของ ฟลอเรียน เวิร์ตซ์

ฟลอเรียน เวิร์ตซ์

เวิร์ตซ์ย้ายจาก ไบเออร์ เลเวอร์คูเซ่น ทีมแชมป์บุนเดสลีกาฤดูกาลก่อน ด้วยค่าตัวสูงจนกลายเป็นหนึ่งในผู้เล่นอายุต่ำกว่า 23 ปีที่มีค่าตัวแพงที่สุดในประวัติศาสตร์ยุโรป บอร์ดบริหารและกองเชียร์ต่างหวังว่าเขาจะเข้ามามีบทบาทในการสร้างจังหวะการเล่นและปล่อยของด้านความคิดสร้างสรรค์ในเกมรุก

สิ่งที่ทำให้เวิร์ตซ์โดดเด่นคือ “ความฉลาดในการเล่น” เขาอ่านเกมได้ดีเยี่ยม และมีความสามารถในการจ่ายบอลช่องที่แม่นยำ แต่พรีเมียร์ลีกไม่ใช่สนามที่เปิดพื้นที่ให้เล่นง่ายเหมือนเดิม

สไตล์ที่เรียบง่ายและเป็นธรรมชาติในเยอรมนี กลายเป็นความยากและการบีบพื้นที่อย่างหนักในอังกฤษ

แรงกดดันจากค่าตัวและบทบาททันที

จากค่าตัวระดับเกือบ 120 ล้านปอนด์ เวิร์ตซ์ไม่ได้รับโอกาสในการ “ปรับตัวแบบค่อยเป็นค่อยไป” ตั้งแต่วันแรก เขาถูกคาดหวังให้เป็นตัวหลักทันที ต้องสร้างสรรค์เกม ต้องเปลี่ยนผลการแข่งขัน และต้องเป็นความหวังของแฟนบอล นี่คือแรงกดดันระดับที่นักเตะอายุน้อยไม่ค่อยได้มาก่อน

ระบบของทีมที่ยังไม่ลงตัว

ลิเวอร์พูลอยู่ในช่วงเปลี่ยนผ่าน มีการปรับแท็กติก เปลี่ยนความสัมพันธ์ในแดนกลาง และผู้เล่นแนวรุกหลายคนฟอร์มตก รายละเอียดเหล่านี้ส่งผลให้เวิร์ตซ์ไม่มีพื้นที่ในการเล่นขั้นถนัด ผลลัพธ์คือ เวิร์ตซ์ถูกดันให้แบกทีม ทั้งที่ตัวเขาเองก็ยังต้องการเวลา

ฟลอเรียน เวิร์ตซ์

เสียงวิจารณ์เริ่มดังขึ้น เวิร์ตซ์ไม่เก่งจริงหรือแค่ยังไม่พร้อม?

ไฮไลท์ ฟุตบอลพรีเมียร์ลีก สื่ออังกฤษบางสำนักเริ่มตั้งคำถามว่าเวิร์ตซ์คือ “ดีลผิดพลาดของลิเวอร์พูลหรือไม่” เมื่อผ่านไปหลายเกมแล้วยังไม่มีสกอร์หรือแอสซิสต์ ตัวเลขนั้นถูกหยิบยกมาวิจารณ์อย่างหนัก แม้ว่าเวิร์ตซ์จะสร้างโอกาสให้เพื่อนร่วมทีมได้มาก แต่หากไม่มีผลลัพธ์เป็นตัวเลข ทุกอย่างก็กลายเป็นเพียงสถิติไร้ความหมาย

อดีตนักเตะระดับตำนานของเยอรมันอย่าง ดีทมาร์ ฮามันน์ เคยให้ความเห็นว่า “เวิร์ตซ์ต้องปรับตัวให้เร็วขึ้น พรีเมียร์ลีกมีความรวดเร็วและเข้าปะทะหนักกว่าบุนเดสลีก้ามาก” คำวิจารณ์นี้สะท้อนสิ่งที่ทุกคนเห็น เวิร์ตซ์เป็นผู้เล่นที่เน้นความสมดุลและความแม่นยำมากกว่าความดุดัน เขายังต้องเรียนรู้วิธี “เล่นให้เร็ว” ในพื้นที่ที่ถูกบีบอย่างหนัก

แฟนบอลบางส่วนเริ่มหมดความอดทน โลกออนไลน์เริ่มปรากฏคำถามเช่น: “ค่าตัวขนาดนี้ควรทำได้มากกว่านี้ไหม?” “หรือว่าเวิร์ตซ์ยังดีไม่พอ?” สิ่งเหล่านี้ไม่เพียงส่งผลต่อภาพลักษณ์ แต่ยังอาจกระทบต่อความมั่นใจของนักเตะเอง

นาเกิลส์มันน์ออกโรงปกป้อง ปัญหาไม่ได้อยู่ที่เวิร์ตซ์ แต่เป็นทีมลิเวอร์พูล

ท่ามกลางเสียงวิจารณ์ ยูเลียน นาเกิลส์มันน์ เฮดโค้ชทีมชาติเยอรมัน ได้ออกมาให้สัมภาษณ์อย่างชัดเจนว่า

  • “ลิเวอร์พูลปีนี้ไม่เสถียรเหมือนปีที่ผ่านมา ปัญหาไม่ได้มาจากเวิร์ตซ์คนเดียว” นาเกิลส์มันน์ย้ำว่า เวิร์ตซ์สร้างโอกาสได้มากที่สุดในทีม แต่เมื่อเพื่อนร่วมทีมไม่สามารถจบสกอร์ได้ ตัวเลขผลงานก็ยังเป็นศูนย์อยู่ดี
  • “หน้าที่ของเขาคือสร้างโอกาส และเขาทำได้ดีแล้ว สิ่งที่ทีมต้องช่วยคือเปลี่ยนโอกาสเหล่านั้นเป็นประตู” นี่คือข้อความที่เปลี่ยนมุมมองสำคัญ เวิร์ตซ์ไม่ใช่ปัญหา แต่เป็นเหยื่อของความไม่ลงตัวในทีม

บทบาทของนาเกิลส์มันน์มากกว่าโค้ชทีมชาติ

เขาให้พื้นที่เวิร์ตซ์ในทีมชาติแบบที่นักเตะรู้สึกปลอดภัย สนับสนุนทางจิตใจ และลดความกดดัน โค้ชคนนี้ไม่ได้เป็นเพียงโค้ช แต่เป็น “เกราะกำบัง” ให้เวิร์ตซ์ในช่วงที่ทุกอย่างถาโถมเข้าใส่

ฟลอเรียน เวิร์ตซ์

เวิร์ตซ์ยังไม่ถึงปลายทางแต่ศักยภาพกำลังเตรียมระเบิด

การมาของ ฟลอเรียน เวิร์ตซ์ สู่ลิเวอร์พูลอาจไม่ได้เริ่มต้นอย่างสวยงามเหมือนบทภาพยนตร์ แต่ความจริงคือเส้นทางของนักเตะที่ย้ายลีกใหม่ โดยเฉพาะพรีเมียร์ลีกที่ขึ้นชื่อว่าเป็นลีกที่เข้มข้นที่สุดในโลก ย่อมเต็มไปด้วยอุปสรรคและความท้าทายมากมาย นี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่ผู้เล่นพรสวรรค์สูงต้องใช้เวลาปรับตัว และไม่ใช่ครั้งสุดท้ายเช่นกัน

สิ่งสำคัญที่เห็นชัดคือ เวิร์ตซ์ไม่เคยหายไปจากเกม เขายังคงสร้างสรรค์โอกาส สร้างความแตกต่างในจังหวะการเล่น และแสดงให้เห็นถึงความฉลาดในการเคลื่อนที่และจ่ายบอล เพียงแต่ตัวเลขปลายทาง ประตูและแอสซิสต์ ยังไม่เกิดขึ้นเท่านั้นการออกมาหนุนหลังของ ยูเลียน นาเกิลส์มันน์ จึงสะท้อนความจริงว่า เวิร์ตซ์ไม่ได้ “ล้มเหลว” แต่กำลังผ่านช่วงเวลาที่ทุกดาวรุ่งต้องเจอ นั่นคือการเติบโตผ่านความกดดันและความคาดหวังอันมหาศาล

เวิร์ตซ์อายุเพียง 22 ปี มีเวลาอีกมากในการพิสูจน์ตัวเอง และเมื่อระบบทีมลงตัวมากขึ้น ฟอร์มของเขาย่อมมีโอกาสระเบิดได้ทุกเมื่อ สุดท้ายนี้ คำถามที่แท้จริงไม่ใช่ “เวิร์ตซ์ดีพอไหม?” แต่คือ “เมื่อไหร่เขาจะเฉิดฉายจนพรีเมียร์ลีกต้องพูดถึง?” และวันที่คำตอบปรากฏ อาจกลายเป็นจุดเริ่มต้นของอีกหนึ่งตำนานลูกหนังในถิ่นแอนฟิลด์

ข่าวบอลอื่นๆที่น่าสนใจ